Harvest Moon: The Lost Valley
สแกนเพื่อเข้าชมหน้าเว็บบนมือถือ

เนื้อเรื่อง

สำหรับเนื้อเรื่องหลักใน Harvest Moon: The Lost Valley คือการแก้ไขฤดูหนาวที่ยาวไปไม่สิ้นสุดของหุบเขาแห่งนี้ ดังนั้นในตอนเริ่มเกมเราจะอยู่ในสภาพฤดูหนาว มีหิมะตกเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิก็ตาม

ดังนั้นเพื่อที่จะปลดล็อกฤดูการที่เหลือ เราจำเป็นต้องไล่ทำเควสต์เนื้อเรื่องหลักไปเรื่อย ๆ เริ่มจาก ฤดูใบไม้ผลิ ไปฤดูร้อน และฤดูใบไม้ร่วง นอกจากนั้นเมื่อทำเนื้อเรื่องผ่านแล้ว อาจต้องใช้เวลาอีก 2 – 3 วัน ก่อนสภาพอากาศจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ดังนั้นถ้าอยากจะเห็นฤดูกาลที่ปลดล็อกได้ตั้งแต่ปีแรกละก็ ต้องเผื่อเวลาก่อนสิ้นเดือนด้วยนะ

ยังไงก็ตาม เนื้อเรื่องไม่ได้จำกัดระยะเวลาในการทำ ถ้าไม่ได้รีบร้อนที่จะผ่านเนื้อเรื่องไปให้เร็วที่สุด ก็สามารถทำไปความกับเควสต์ย่อย ๆ จากตัวละครอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับไอเท็มทั้งหมดที่ใช้ในการผ่านเนื้อเรื่องมีดังนี้ครับ ถ้าเจอแล้วก็เก็บสะสมเอาไว้โดยพลัน จะได้ไม่ต้องหาซ้ำ

  • Softwood Lumber x 20
  • Sugar x 1
  • Strawberry x 1
  • Milk x 5
  • Marguerite x 2
  • Crucian Carp x 3
  • Pink Rose x 1
  • Blue Rose x 1
  • Red Rose x 1
  • Iron Ore 9 ชิ้น สำหรับเปลี่ยนเป็น Iron x 3
  • Flourite 1 ชิ้น สำหรับเปลี่ยนเป็น Flourite x 1
  • Crystal Ore 1 ชิ้น สำหรับเปลี่ยนเป็น Crystal x 1

ฤดูหนาวแห่งหุบเขาลับแล

hmtlv-the_house_among_snowstrom

ขณะที่เรากำลังเดินไปตามเส้นทางของภูเขา เราจะเห็นเงาลาง ๆ บางอย่างไม่ไกลนัก และได้ยินเสียงที่กำลังเรียกเราอยู่ เสียงนั้นบอกให้เราเข้าไปหลบในกระท่อม เมื่อเราเข้าไปจะพบกับที่นอนให้เราพักผ่อน ในคืนนั้นเองเราจะฝันเห็นผู้หญิงผมสีฟ้าขอให้เราช่วยเธอตามหากำไลข้อมือ

ในตอนเช้าให้เราออกมาสำรวจบริเวณรอบ ๆ เราจะได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากเนินดินตรงหน้า เสียงนั้นจะอธิบายว่าเขาติดอนู่ในกองหิมะมาตั้งนานแล้ว แล้วสอนให้เราให้ขุดดินออกเพื่อช่วยเขา เมื่อช่วยเขาออกมาได้แล้ว เขาจะแนะนำตัวเองว่าชื่อโรแวน เราจะบอกเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เห็นในฝันเมื่อคืน เขาจะบอกว่านั่นคือเทพธิดาเก็บเกี่ยวนั่นเอง เธอผู้นั้นได้สูญเสียพลังในกาารปกป้องหุบเขาแห่งนี้ไป เลยทำให้ที่นี้หิมะตกตลอดจนเหลือแต่เพียงฤดูหนาว โรแวนนั้ได้พบกำไลของเธอแล้ว แต่ดันติดอยู่ในกองดินนี้ เขาซึ่งกำลังจะพบกับเทพธิดาเก็บเกี่ยวเลยชวนเราให้ไปด้วยกัน

เทพธิดาเก็บเกี่ยวนั้นอาศัยอนู่ที่บ่อน้ำพุตอนบทสุดของภูเขา ทางเดียวที่เราจะขึ้นไปถึงได้ต้องใช้ทักษะการปรับพื้นผิวด้วยพลั่ว ซึ่งโรแวนจะคอยแนะนำการใช้เครื่องมือให้แก่เราเป็นระยะ ๆ และมอบดินจำนวนหนึ่งให้เราเอาไว้ใช้ถมอีกด้วย

ให้เราหาทางไปจนกว่าจะถึงยอดเขา จะเห็นว่าทางเข้าจะมีต้นแม่น้ำที่เป็นน้ำตกไหลลงมา ให้เราเข้าไปเพื่อพบกับเทพธิดาเก็บเกี่ยว

เมื่อเดินไปถึงด้านหน้าบ่อน้ำ โรแวนจะเรียกเทพธิดาออกมา แต่เธอจะไม่ปรากฏตัว บางทีอาจเป็นเพราะพลังของเทพธิดานั้นอ่อนแรงลงมากเกินกว่าจะปรากฏให้เห็นได้ โรแวนจึงแนะนำเราว่าให้ลองปลูกพืชผัก เลี้ยงสัตว์ พยายามให้คนแวะเวียนมาที่หุบเขานี้มากขึ้น พลังของเทพธิดาก็คงจะฟื้นคืนมาบ้าง จากนั้นโรแวนจะมอบกำไลของเทพธิดาให้กับเรา

ประมาณวันที่ 8 ฤดูใบไม้ผลิ เราจะฝันเห็นภูติตนหนึ่ง ที่หวังให้เราปลูกดอกไม้เยอะ ๆ ตอนเราเจอแซมครั้งแรก เขาจะให้เมล็ด Pink Pansy มาจำนวนหนึ่ง หรือถ้าเราต้องการเพิ่ม เราจะต้องปลดล็อกตัวละครไอริสกับเอพริวลูกสาวเธอ โดยไอริสเธอจะขายเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ซื้อ Pink Pansy เพิ่มได้ในราคา 60 G (แซมจะไม่ขายเมล็ดดอกไม้)

เมื่อเราปลูกดอกไม้และเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 9 ดอกหรือมากกว่านั้น เช้าวันรุ่งขึ้นเราจะได้พบกับบลอสซัม ภูติเก็บเกี่ยวสีม่วง โรแวนและบลอสซัมจะบอกเราว่าเราสามรถไปพบเขาและวานให้ช่วยงานได้ที่บ่อน้ำของเทพธิดา สำหรับโรแวนจะช่วยในเรื่องการเติบโตของพืชผัก ส่วนบลอสซัมจะช่วยในเรื่องการเติบโตของดอกไม้

ช่วงกลางเดือนฤดูใบไม้ผลินี้ เราจะฝันเห็นนักกวีคนนึง หลังจากที่ตื่นขึ้นมาให้เราไปสำรวจบริเวณบ่อน้ำพุเทพธิดา เราจะได้พบกับกิลเบิร์ต เขาชอบตกปลาและจะมอบเบ็ดตกปลาให้กับเรา นอกจากนั้นกิลเบิร์ตจะอธิบายการถมดินลงแม่น้ำเพื่อสร้างทางข้ามให้อีกด้วย ดังนั้นหลังจากนี้เราจะสามารถสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ในแผนที่ได้มากขึ้นแล้ว

ไม่นานนัก เราจะฝันเห็นภูติเก็บเกี่ยวอีกตนนึง ครั้งนี้ภูติจะตั้งความหวังไว้ว่าจะมีใครสักคนไหมที่จะตกปลาขึ้นมาได้เยอะ ๆ ให้เราไปตกปลาให้ได้ปลาสัก 10 ตัวขึ้นไป แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น โรแวนกับบรอสซัมจะปรากฏตัวพร้อมกับเพื่อนใหม่ เดวี่ ภูติสีน้ำเงิน

หลังจากที่เราปลดล็อกภูติได้ 3 ตนแล้ว เราจะฝันอีกครั้งนึง ซึ่งคราวนี้เป็นตัวเทพธิดาเอง เธอจะขอให้เราไปพบเธอที่บ่อน้ำพุ หลังจากนั้นก็ให้เราไปพบเธอที่ แล้วโรแวนจะเตือนเราเรื่องกำไลที่ให้เราไว้ ซึ่งเราก็จะมอบมันให้แก่เทพธิดา

คริสตัลฤดูใบไม้ผลิ

เทพธิดาจะยินดีมากที่เราสามารถนำกำไลกลับมาคืนให้เธอได้ แต่พลังของเธอยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ช่วงเวลาแห่งฤดูหนาวนี้หมดไป เพื่อที่จะใช้กำลังของเธอได้ จำเป็นต้องมีคริสตัลแห่งฤดูกาล และด้วยความโชคร้ายคริสตัลทั้งสามได้หายไประหว่างที่เธอนั้นกำลังอ่อนแรง หากเธอมีพลังมากว่านี้สักหน่อย เธอจะสามารถสร้างคริสตัลแห่งฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาได้ เหล่าภูติจะอาสาตามหาของที่เธอต้องการมาให้ เธอจะรู้สึกดีใจที่หล่าภูติของเธอนั้นร่วมแรงร่วมใจกัน จากนั้นเธอจะบอกกับเราว่าสามารถมาหาเธอได้ระหว่าง 8 โมงเช้า ถึง 1 ทุ่ม ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์

คืนต่อมา เราจะฝันอีกครั้ง เทพธิดาจะบอกกับเราภูติสีแดงนั้นมีรายการของที่ใช้สำหรับฟื้นพลังให้กับเธอมาแล้ว

เเช้าวันรุ่งขึ้น โรแวนจะปรากฏตัวด้วยท่าทีตื่นตระหนกและเตือนเราถึงคนท่าทางแปลก ๆ จากนั้นเขาจะหายตัวไปขนณที่มีบางคนมาเคาะหน้าประตู ครท่าทางแปก ๆ ที่โรแวนพูดถึงก็คือ ด็อก นี่เอง เขาเข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นนักประดิษฐ์ที่กำลังมองหาไอเดียใหม่ ๆ เขาเชื่อว่าเราเองก็เป็นนักประดิษฐ์เหมือนกันและได้ให้ Insta-Building และ Architect กับเราก่อนจะออกไป ด็อกจะส่งยิ้มประหลาดให้เราแล้วแนะนำให้เราลองใช้ Insta-Building กับ Architect ดู เมื่อไหร่ก็ตามที่เราสร้างสิ่งของได้แล้ว ให้ไปคุยกับเขาได้ที่หุบเขาดวงจันทร์ (Moon Valley) เราจะพบเขาได้ในวันพุธและวันเสาร์ ระหว่าง 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น

ให้เราทำตามคำแนะนำของด็อก ให้เราหาพื้นที่ว่าง ๆ 7 x 5 ช่อง จากนั้นให้เราเปิดกระเป๋าแล้วเลือก Architect แล้วเข้าสู่โหมดก่อสร้าง เราสามารถกดปุ่ม X เพื่อเลือกสิ่งก่อสร้างในกระเป๋า (ในที่นี้คือโรงเลี้ยงสัตว์) แล้วจัดการวางลงบนพื้น เราสามารถหมุนสิ่งก่อสร้างซ้ายขวาได้ด้วยการถือเอาไว้แล้วกดปุ่ม X ถ้าเราเห็นวิ่งก่อสร้างเรามีเส้นกรอบสีแดง แสดงว่าพื้นที่นั้นยังไม่กว้างพอ หรือที่วางไม่พอดี ให้เราจัดการเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย ทั้งถมทั้งขุด เกลี่ยพื้นให้เรียบ ก็จะสามารถวางสิ่งก่อสร้างลงได้แล้ว

ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่เราวางโรงเลี้ยงวัตว์ไปแล้ว ในตอนเช้าฮันเตอร์จะเข้ามาทักทาย เขานั้นกำลังตามหาวัวที่หลงออกมาจากฟาร์ม และสงสัยว่าเรานั้นมีคอกสัตว์อยู่บ้างไหม เราจะพาเขาไปดูที่คอกสัตว์ที่เราเพิ่งสร้างไว้ แล้วจะพบกับวัวของเขาที่หลงมา แต่สุดท้ายฮันเตอร์จะตัดสินใจให้วัวของเขาอยู่ที่นี่ต่อไป เพราะดูเหมือนว่ามันจะชอบที่นี่ซะแล้ว เราจะได้ตั้งชื่อให้เจ้าวัวตัวนี้ และฮันเตอร์จะมอบที่รีดนม แปรง และอาหารสัตว์ให้กับเราด้วย นอกจากนั้นเขายังแนะนำให้เราสร้างกังหันเอาไว้ด้วย เพื่อที่เราจะสามารถสร้างอาหารสัตว์หลาย ๆ ชนิดให้กับสัตว์ต่าง ๆ ได้ และท้ายสุดเขาจะมอบส้อมที่เอาไว้สำหรับทำความสะอาดโรงเลี้ยง เราสามารถนำมูลสัตว์ที่ได้จากการทำความสะอาดนี้ไปใช้เป็นปุ๋ยให้กับพืชผักของเราได้อีกด้วย

ก่อนที่เขาจะออกไป ฮันเตอร์จะบอกเราว่าเขาจะแวะมาที่นี่ในวันจันทร์ วันอังคาร และวันเสาร์ เวลา 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น เราสามารถซื้อสัตว์เพิ่มได้เมื่อเขาอยู่ในโหมดขายของ

*ฮันเตอร์จะขายสัตว์หลายชนิด แต่เขาจะไม่ขายพวกของใช้สำหรับสัตว์ แต่แซมจะเริ่มขายอาหารสัตว์หลังจากนี้ ได้แก่ Animal Feed (20 G), Great Animal Feed (70 G) Animal Medicine (5,000 G), และ Chicken Medicine (2,500 G)

เมื่อวัวที่ได้มามีหัวใจครึ่งดวงแล้ว โรแวนจะมาหาเราในตอนเช้ากับภูติสีแดง คาลวิน เขาจะให้เมนูทำแยมสตรอว์เบอรี่มา ซึ่งเป็นหนึ่งในอาหารที่เทพธิดาเก็บเกี่ยวชื่นชอบ ก่อนเราจะเริ่มทำแยมสตรอว์เบอรรี่ เราจำเป็นต้องมี ห้องครัว สตรอว์เบอรี่ และน้ำตาลเสียก่อน

หากเรายังไม่มีอะไรเลย ให้เริ่มจากไปพบด็อกเพื่อเคลียร์เหตุการณ์สร้างโรงเลี้ยงสัตว์ก่อน จากนั้นเราจะสามารถซื้อของจากด็อกได้ เราสามารถซื้อห้องครัวได้กับด็อก โดยเราต้องมี Softwood 20 ท่อน และเงิน 1,000 G เราสามารถหา Softwood ได้จากการตัดต้นสนในแผนที่

ต่อมา ให้เราปลูกต้นสตรอว์เบอรี่ เมล็ดหาซื้อได้จากแซมราคา 20 G ต่อถุง ใช้เวลา 11 วันในการเติบโต และจะเก็บเกี่ยวซ้ำได้ทุก ๆ 7 วัน

ส่วนผสมสุดท้ายที่ใช้ทำแยมสตรอว์เบอรี่คือน้ำตาล ชาวบ้านที่ทำร้านอาหาร ฮานน่า และลูกเธอ เอมิลี่ จะปลดล็อกหลังจากเราได้ขายนมวัวให้แซมบ้างแล้ว ซึ่งราว ๆ ปลายเดือนของฤดูใบไม้ผลิ เมื่อฮานน่าเข้าสู่โหมดขายของวันจันทร์และอังคารเวลา 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ฮานน่าจะขายเครื่องปรุงที่ใช้ทำอาหาร เราสามารถซื้อน้ำตายจากเธอได้ถุงละ 30 G

เมื่อเราจะเริ่มแยมสตรอว์เบอรี่ เราจำเป็นต้องเก็บส่วนผสมและวัตถุดิบในการทำไว้ในกระเป๋า เพราะครัวของเราจะไม่ดึงวัตถุดิบมาให้เราเลือกจากในตู้เย็น

จากนั้นให้เรานำแยมสตรอว์เบอรี่ไปให้เทพธิดา หลังจากที่ได้ทานแล้วเธอจะมีพลังมมากพอที่จะสร้าง คริสตัลแห่งฤดูใบไม้ผลิ เธอจะสร้างมันแล้วนำมาติดไว้กับกำไลของเธอ ตอนนี้เธอสามารถใช้พลังเพื่อนำฤดูใบไม้ผลิกลับมาได้แล้ว

จำไว้อย่างนึงว่า เมื่อเราปลดล็อกฤดูใบไม้ผลิแล้ว หิมะจะไม่หายไปทันที อาจจะต้องใช้เวลาวันสองวันเพื่อให้หิมะละลายหายไปทั้งหมด หากเราสามารถเคลียร์เงื่อนไขต่าง ๆ ได้ไม่ทันในฤดูใบไม้ผลิ เมื่อข้ามไปยังฤดูร้อน หิมะก็จะกลับมาอีกครั้ง และจำเป็นต้องรอถึงปีถัดไปเพื่อได้เห็นฤดูใบไม้ผลิจริง ๆ

เหล่าภูติเก็บเกี่ยวนั้นต้องการให้ทุกฤดูกลับมาเป็นอย่างเดิม ดังนั้นถัดไปก็คือคริสตัลลฤดูร้อน เทพธิดาจำเป็นต้องให้เราไปคุยกับเทพแห่งการเก็บเกี่ยว แต่การจะไปพบเขาจำเป็นต้องปีนต้นไม้ที่สูงมาก ๆ ต้นไม้ที่สูงพอที่จะไปถึงสรวงสวรรค์ โรแวนจะรู้ว่ามีภูติอีกตนนึงที่รู้ว่าจะหาเมล็ดต้นไม้แบบนั้นได้จากไหน แต่ว่าภูติตนนั้นยังคงหลับไหลไม่ฟื้นขึ้นมาสักที

เราจะได้รับ รีเควสต์ ที่ให้เราต้องไปพบกับพระเจ้าเก็บเกี่ยว และตามหาวิธีการปลูกต้นไม้แห่งท้องนภา

คริสตัลฤดูร้อน

เมื่อเราปลดล็อกฤดูใบไม้ผลิได้แล้ว เราจะได้พบกับแคทเธอรีน เธอจะมาบอกว่าพ่อของเธอเป็นคนที่มาอาศัยอยู่ที่หุบเขาแห่งนี้คนแรก และเธอก็ยินยอมให้เราอาศัยอยู่ต่อไปได้ จากนั้นไม่กี่วันเธอจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับอาการขัดใจ แล้วว่าเราว่าทำไมถึงไม่จัดการต้นไม้ ปล่อยให้มันขึ้นรกเต็มไปหมด เธอจะบอกเราอีกว่าให้เราไปหาใครสักคนช่วยจัดการอัปเกรดขวานให้เราซะ

ให้เรารอจนกว่าโทนี่จะปรากฏตัวที่หุบเขาดวงจันทร์ (Moon Valley) ในวันอังคารและศุกร์ 10 โมงเช้า จนถึง 6 โมงเย็น แล้วช่างตีเหล็กฝึกหัดคนนี้จะจัดการอัปเกรดขวานให้กับเรา ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือสักเท่าไรนัก จากนั้นให้รอเวลาเจอกับโทนี่ในครั้งต่อไป คุยกับเขา แล้วเราจะได้ขวานด้ามใหม่มาแล้ว ทันใดนั้นแคทเธอรีนจะโผล่เข้ามา เราจะโชว์ขวานด้ามใหม่ให้เธอดู แต่เธอจะอารมณ์เสียอีกแล้ว แล้วบอกเราว่าแค่มีขวานก็ไม่ได้แปลว่าจัดการทุกอย่างเกี่ยวกับป่าได้ นอกจากถางป่าแล้วยังสามารถปลูกต้นไม้เพิ่มได้ด้วย ถ้าเรารู้จักเมล็ดพันธุ์ที่ถูกต้อง จากนั้นให้เราออกมาแล้วจัดการตัดต้นไม้ต้นที่เราตัดด้วยขวานเดิมไม่ได้ให้เรียบร้อย

เช้าวันรุ่งขึ้น โรแวนจะแนะนำให้เรารู้จักกับภูติสีเขียว วู้ดดี้ เขาจะให้เมล็ดพันธุ์ต้นไม้แห่งท้องนภาที่เราสามารถใช้เป็นทางขึ้นสู่สรวงสวรรค์ วู้ดดี้จะเือนว่าต้นไม้ต้นนี้ปลูกกันไม่ได้ง่าย ๆ เราจำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเวทย์มนต์ (Magic Fertilizer) ที่มีแต่พ่อและแม่มดเท่านั้นที่สามารถปลุกเสกขึ้นมาได้ แล้วเราก็จะได้เควสต์ใหม่ให้ตามหาปุ๋ยเวทย์มนต์

คืนนึงขณะที่เรากำลังนอน เราจะฝันเห็นเงาแปลก ๆ บางอย่าง อยู่บริเวณบ่อน้ำพุของเทพธิดา ในตอนเย็นเวลา 2 ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน ให้เราไปที่บ่อน้ำพุเทพธิดา แล้วเราจะพบกับ ทาบิธา เป็นคือแม่มดอันดับหนึ่งของโลก เธอจะบอกเราว่าเธอรู้วิธีทำปุ๋ยเวทย์มนต์ด้วย แต่เราต้องทำอะไรให้เธอเสียก่อน ทาบิธาจะบอกให้เรานำนมมาให้เธอ 2 ขวด (Milk เฉย ๆ ไม่ใช่ Great Milk) และดอก Marguerite 2 ดอก นมเราสามารถรีดได้จากวัวของเรา ส่วนดอกไม้ก็ให้เราปลูกเอา โดยให้เราซื้อเมล็ด Marguerite กับไอริสถุงละ 60 G ดอกไม้จะใช้เวลาเติบโต 9 วัน

เมื่อเรามีของครบแล้ว ให้กลับไปที่บ่อน้ำพุตอน 2 ทุ่ม เพื่อเจอทาบิธา แต่เราจะพบว่าเธอยังอยากได้ของอื่น ๆ อีก คราวนี้เธอจะให้หา นมอีก 3 ขวด และปลา Crucian Carp 3 ตัว สำหรับปลานั้นเราสามารถใช้เบ็ดตกปลาได้ตามแม่น้ำเลย ส่วนนมก็ให้ไปรีดจากวัวเช่นเดิม

จากนั้นให้กลับมาที่บ่อน้ำพุเวลา 2 ทุ่ม เพื่อมอบของให้ทาบิธาอีกครั้ง แล้วเธอก็เหมือนจะหาเรื่องวานเราให้ไปหาของให้เธออีกแล้ว แต่เราจะไม่ยอม ทาบิธาจึงเปลี่ยนใจแล้วบอกเราว่าให้กลับมาหาเธอที่นี่อีกทีนึงในวันพรุ่งนี้เพื่อรับปุ๋ยแห่งเวทย์มนต์

*หลังจากที่เราได้เมล็ดต้นไม้แห่งนภา (Skytree Seeding) แซมจะเริ่มขาย Grapefruit tree Sprouts ราคา 500 G, Leafy Tree Sprouts (250 G), และ Cone Tree Sprouts (250 G)

แล้วคืนนั้นเองเราจะฝันเห็นคนแปลก ๆ ที่ปรากฏตัวอยู่ที่บ่อน้ำพุของเทพธิดาอีกแล้ว

สองทุ่มวันต่อมา ให้เรากลับไปหาทาบิธาที่บ่อน้ำพุ คราวนี้เธอจะไม่ได้อยู่คนเดียว มีคนแปลก ๆ อยู่กับเธอด้วย เธอจะบอกว่าคนทึ่ม ๆ คนนี้คือ กาเร็ธ แต่เราไม่ไปสนใจหรอก เพราะเธอจะทำปุ๋ยให้เราเอง แต่กาเร็ธคิดว่าสิ่งนี้ยังต้องใช้พลังเวทย์มนต์ที่เข้มข้นกว่านี้อีก ดังนั้นเขาเลยร่ายมนต์พร้อม ๆ กับทาบิธา แม่มดอันดับหนึ่งของโลกตอนนี้เจอกับคู่แข่งซะแล้ว เขาทั้งคู่เลยตัดสินใจว่าจะมาที่ให้บ่อยขึ้น เพื่อให้เราช่วยตัดสินว่าใครกันแน่ที่เป็นนักเวทย์ได้เก่งกว่ากัน หลังจากที่ทั้งคู่ได้บอกเวลาที่ตัวเองจะมาประจำแล้ว ทั้งคู่จะหายตัวไปในกลุ่มควัน

ในที่สุดเราก็ได้ปุ๋ยเวทย์มนต์มาเรียบร้อยแล้ว ให้เรากลับมาที่บ่อน้ำพุนี้อีกครั้งตอน 8 โมงเช้า วันจันทร์ถึงศุกร์ คุยกับเทพธิดา เธอจะบอกตำแหน่งที่เราควรปลูกต้นไม้นี้ หลังจากที่เราใส่ปุ๋ยแห่งเวทย์มนต์ที่ได้มาจากทาบิธาแล้ว ต้นไม้จะโตสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ตอนนี้เราก็สามารถไปพบกับเทพแห่งการเก็บเกี่ยวได้แล้ว

หลังจากที่เราปีนต้นไม้ขึ้นมาถึงด้านบน เราจะพบกับเทพเก็บเกี่ยวที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาจะไม่เคยพบมนุษย์คนไหนมาถึงที่นี่มาก่อน แต่หลังจากที่เราอธิบายว่าทเพธิดาได้สูญเสียพลังของเธอ เทพเก็บเกี่ยวจะเข้าใจเราในทันทีว่าเรามาพบเขาที่นี่ทำไม เทพเกี่ยวจะสร้าง คริสตัลแห่งฤดูร้อน และมอบมันให้กับเราทันที

ให้เรากลับลงมาแล้วมอบคริสตัลฤดูร้อนให้กับเทพธิดา เธอจะนำมันติดเข้ากับกำไลของเธอ แล้วนำพาฤดูร้อนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งฤดูร้อนจะมาถึงตามฤดูกาลต่อจากฤดูใบไม้ผลิตามเดิม

ฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นฤดูสุดท้ายที่เราจะปลดล็อก แต่ผู้ที่สร้างคริสตัลแห่งฤดูใบไม้ร่วงได้นั้นคือเจ้าแห่งใต้พิภพ คาลวินจะอธิบายว่า เจ้าแห่งใต้พิภพคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดฤดูหนาวไม่สินสุด โรแวนจะแสดงให้เราดูว่าที่ไหนบนแผนที่คือทางไปสู่อาณาจักรใต้พิภพ แล้วเขาจะเตือนเราว่าเราจำเป็นต้องขุดดินลึกมาก ๆ เลยกว่าจะไปถึงทางเข้านั้นได้

*ในตอนนี้เราจะปลดล็อกฤดูร้อนได้แล้ว แซมจะเริ่มขาย Peach Sprouts (500 G), เมล็ดมะเขือเทศ (20 G), เมล็ดข้าวโพด (10 G), เมล็ดพริกหยวก (20 G), และเมล็ดข้าวสาลี (10 G) ส่วนไอริสจะเริ่มขาย เมล็ดดอกทานตะวัน (60 G) และเมล็ดดอกกุหลาบแดง (75 G)

คริสตัลฤดูใบไม้ร่วง

การที่เราจำเป็นต้องขุดดินลงไปลึกมากเพื่อลงไปที่อาณาจักรใต้พิภพ เราจำเป็นต้องมีค้อนเสียก่อน ช่างตีเหล็กคือคนแรกที่เราควรนึกถึง ดังนั้นให้เราไปหาที่หุบเขาดวงจันทร์ในวันอังคารหรือศุกร์ ระหว่าง 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น เราจะพบกับเหตุการณ์ของโทนี่ที่กำลังแย่ บรูตัสพยายามฝึกเขาด้วยการแนะนำวิธีการต่าง ๆ และบอกให้ตั้งใจมากกว่านี้ แต่โทนี่นั้นไม่เข้าใจและเดินหนีออกมาด้วยความหงุดหงิด เราจะได้รับเควสต์ใหม่โดยให้เราหาทางให้กำลังใจโทนี่

คนที่ร่าเริงสดใสสุด ๆ ในที่นี้ให้เรานึกถึง เอมิลี่ ดังนั้นให้เราไปหาเธอในวันทร์หรืออังคาร ตอนที่เธอเดินวนเวียนอยู่ที่หน้าบ้านเรา เธอจะแนะนำว่าให้เราลองพูดคุยกับเขาดูก่อน ถ้ามันไม่เวิร์กก็ให้ลองหาขนมนมเนยไปให้เขาทานดู เธอมักจะมีความสุขที่ได้เห็นคนอื่นมีความสุขเพราะได้ทานขนมปังที่เธอทำ

ให้เรากลับไปหาโทนี่อีกครั้งเมื่อเขาปรากฏตัวที่หุบเขาดวงจันทร์ เขายังคงไม่อยากพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับพ่อ แต่เราจะมอบขนมปังให้กับเขา และมันได้ผล โทนี่เล่าเรื่องที่เขาจำเป็นต้องซ่อมมีดด้ามนึงให้ฟัง แต่พ่อเขากลับตำหนิงานของเขาอย่างคลุมเครือ ไม่ยอมพูดออกมาตรง ๆ เลยว่าเขาทำผิดพลาดตรงไหน เราสามารถเลือกบอกเขาได้ว่า เขานั้นร้อนรนจนเกินไป หรืออาจจะแนะนำให้เขา ลองสังเกตให้ดี ๆ  ไม่จะตอบไปแบบไหนก็ได้ แล้วโทนี่จะนึงความคิดดี ๆ ได้ขึ้นมา

ให้เรากลับมาคุยกับโทนี่วันถัดไปที่เขามาปรากฏตัวที่หุบเขาดวงจันทร์ เขาจะบอกว่าเขาพบปัญหาที่เกิดกับมีดเขาแล้ว และโชว์มีดที่ซ่อมดีแล้วให้พ่อของเขาดู แต่พ่อของเขาก็ยังคงดุเขาอยู่ดีที่แก้ไขออกมาช้านัก แต่โทนี่เองก็ยังรู้สึกดีใจที่เขาทำได้สำเร็จแล้ว แล้วเพื่อเป็นการตอบแทน เขาจะตีค้อนใหม่ขึ้นมาให้กับเรา ดังนั้นให้เรารอพบกับโทนี่ในครั้งต่อไปที่เขามาที่หุบเขาดวงจันทร์

*เมื่อเรามีค้อนแล้ว เราจะสามารถเดินไปสำรวจตามเหมืองต่าง ๆ รอบ ๆ หุบเขา เพื่อเข้าไปทุบโขดหินที่อยู่ตามเหมืองต่าง ๆ โดยการกดปุ่ม A เราจะสามารถทุบหินหาแร่ได้วันละสองสามครั้งหรือมากกว่านิดหน่อยต่อก้อนต่อวัน

ให้เช็กบริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของแผนที่ (มุมซ้ายล่าง) จะเป็นจุดที่มีประตูที่ทะลุไปสู่อาณาจักรใต้พิภพ ทางเข้าสู้โลกเบื้องล่างนั้นจะอยู่ลึกที่สุดของแผนที่ เราจำเป็นต้องขุดลึกลงไปกว่า 22 ระดับเพื่อไปยังประตู ถ้าเราติดจนกลับขึ้นมาไม่ได้อย่าลืมว่าเรายังมี นกหวีดเรียกภูติมาช่วยได้ เพื่อพาเรากลับไปยังบ้านทันที

เมื่อเราสามารถขุดลึกจนผ่านประตูเข้าไปได้แล้ว เราจะได้พบกับกอร์กอน เจ้าแห่งใต้พิภพ เขาจะหัวเสียใส่และไม่อยากคุยกับใครที่อยู่บนพื้นโลกทั้งนั้น เมื่อเรากลับออกมา เราจะได้พบกับโรแวน เขาจะบอกว่าเขารู้จักกับภูติเก็บเกี่ยวที่เป็นเพื่อนกับกอร์กอน บางทีเขาอาจจะช่วยเราคุยให้ก็ได้

วันรุ่งขึ้น โรแวนจะมาหาที่บ้าน แนะนำให้เรารู้จักกับฟลินต์ ภูติเก็บเกี่ยวสีส้มที่อาสาจะไปช่วยเราคุยกับกอร์กอนให้ แล้วเขาจะยังบอกอีกว่าเราสามารถวานให้ภูติมาช่วยงานได้วันละครั้ง (หากไม่เจอเหตุการณ์นี้ ให้ลองเข้าเมืองแล้วขุดหาแร่ดูสักครั้งก่อน)

ให้เรากลับไปยังอาณาจักรใต้พิภพแล้วคุยกับกอร์กอน เขาจะรู้ว่าเราต้องการคริสตัลฤดูใบไม้ร่วง แต่เขาจะยังไม่สร้างให้เราจนกว่าเราจะนำผลไม้แห่งคำอวยพร (Blessed Fruit) ที่ไม่มีทางหาได้มาให้

ให้เราไปคุยกับ เทพธิดาเก็บเกี่ยว เธอจะประหลาดใจกับความเอาแต่ใจของกอร์กอน เธอรู้ว่าสามารถหาผลไม้แห่งคำอวยพรได้จากไหน แต่มันต้องใช้เวลาพอสมควร โดยอย่างแรกที่ต้องทำคือออกตามหาเมล็ดผลไม้เสียก่อน

รู้ใช้ไหมว่ากิลเบิร์ตเป็นคนที่รอบรู้เกี่ยวกับพืชพันธุ์นานาชนิด ดังนั้นให้เราไปคุยกับเขาตอนที่เขาเดินวนอยู่ที่บ่อนำพุในวัน พฤหัสบดี เวลา 2 ทุ่ม ถึง ตี 2 กิลเบิร์ตจะบอกเราว่าเขามีเก็บไว้ และมันสำคัญกับเขามาก ก่อนที่เขาจะมอบมันให้เรา เขาจะให้เราช่วยตามหาสถานที่ที่มี ดอกไม้แห่งความงาม (Flower of Grace) ซึ่งมีแต่พวกบรรดาสัตว์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นให้เราไปคุยกับคนที่รอบรู้เรื่องสัตว์ต่อ

ให้เราไปคุยกับฮันเตอร์ตอนที่เขาเดินอยู่ในคอกสัตว์ วันจัทนร์ อังคาร และเสาร์ ระหว่าง 10 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น โดยปกติเขาไม่ได้มีความรู้เรื่องดอกไม้เลย แต่เขาได้พบเจอสัตว์มากมายไปทั่ว เขาจะพาไปดูกระต่ายที่อยู่บริเวณนี้ และอธิบายว่าถ้าเราได้เล่นกับมันบ้างจะทำให้ค่ามิตรภาพกับสัตว์สูงขึ้น โดยเฉพาะกระต่ายตัวนี้จะมีบางอย่างติดอยู่ที่ปากของมันอยู่ นั่นมันก็คือ ดอกไม้แห่งความงาม นั่นเอง!

ให้กลับไปบ่อน้ำพุอีกครั้งตอนที่กิลเบิร์ตมา เขาจะประหลาดใจที่เราสามารถตามหาดอกไม้ที่เขาต้องการได้ เราจะมอบมันให้กับเขาแล้วได้เมล็ดผลไม้แห่งคำอวยพรแทน (Blessed Seeds) และกิลเบิร์ตจะกำชับเราด้วยว่า ฝากเมล็ดเหล่านี้ให้เราดูแลมันด้วย เพราะสิ่งที่เขากำลังทำอยู่คือตามหาสถานที่ที่สามารถปลูกเมล็ดพันธุ์นี้ให้ได้

หลังจากที่เราได้เจอกระต่ายพร้อมกับฮันเตอร์ไปแล้ว หลังจากนี้เราจะได้พบกับสัตว์อื่น ๆ ปรากฏในหุบเขาอีกด้วย เช่น กระต่าย เหยี่ยวบนท้องฟ้า หมี และแมว

ให้ไปพบกับเทพิดาที่บ่อน้ำพุอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เราก็ได้เมล็ดแล้ว ถัดจากนี้คือตามหาคนที่รอบรู้เรื่องการปลูกต้นไม้

ให้ไปคุยกับแคทเทอรีนเมื่อเธอเดินวนอยู่ที่หุบเขาดวงจันทร์ เวลา บ่ายโมง ถึง 6 โมงเย็น เธอจะนึกขึ้นได้ว่าพ่อของเธอเคยพูดถึง เมล็ดผลแห่งคำอวยพร เมื่อตอนเธอยังเด็ก แต่สิ่งที่เธอยังพอจำได้ก็มีแต่เพลงกล่อมให้นอนที่พูดเกี่ยวกับการปลุกจากการหลับไหลของเมล็ดด้วย หยาดน้ำตาแห่งความสุข (Tears of Happiness) และ Insta-Sun

เมื่อเราออกจากบ้านในวันพุธหรือวันศุกร์ เราจะพบกับแซลลี่ที่กำลังมองหาของบางอย่าง เธอเพิ่งทำจี้ทองหายไป ในนั้นมีรูปแม่ของเธอที่พลัดพรากจากกันไปอยู่ เราเลยอาสาช่วยหาอีกแรง

ให้เราเดินไปที่ Moon Valley แล้วคุยกับ นาโอมิ ซึ่งเธอเป็นคนที่เก็บจี้นั่นได้ เธอจะสงสัยว่าเราไปรู้เรื่องมาจากไหน นาโอมิ จะบอกเราว่ารูปในจี้นั้น เป็นรูปของเธอเอง แล้วเธอก็มอบมันให้กับลูกสาวเมื่อหลายปีก่อน หลังจากที่เราบอกว่าเด็กผู้หญิงคนนึงกำลังตามหามันอยู่ นาโอมิก็รู้สึกเศร้าที่ต้องปล่อยให้เธอนั้นอยู่ตัวคนเดียว

เราต้องช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น ดังนั้นให้เราไปหา เอพริล ในวันพุธหรือพฤหัสบดี เธอจะทำช่อดอกไม้ให้ไปมอบให้ นาโอมิ แต่เธอจะขอให้เราช่วยหา Pink Rose, Red Rose, และ Blue Rose ซึ่ง Iris จะมีเมล็ดเหล่านั้นขายอยู่ในราคาถุงละ 75 G และต้องใช้เวลาประมาณ 12 วันในการปลูกให้โตจนเก็บได้

ให้เรานำดอกไม้ไปให้ เอพริล แล้วเธอจะทำช่อดอกไม้ให้ นำช่อดอกไม้นี้ไปมอบให้ นาโอมิ ที่ Moon Valley แล้วเธอจะเล่าถึงเหตุการณที่ทำให้เธอกับลูกสาวแยกจากกัน เธอกำลังคิดว่าจะไปพบกับเด็กสาวที่กำลังตามหาจี้นี้ดีไหม เราจะบอกเธอว่าควรไปพบ แล้วนาโอมิจะคิดว่า อย่างน้อย ๆ เธอก็ควรคืนจี้นี้ให้กับเธอ

แล้วเนสกับนาโอมิ จะเดินไปยังหน้าบ้านของเรา แต่แซลลี่จะไม่อยู่ เราจึงตามเธอไปยังบ่อน้ำเทพธิดา ที่ซึ่งแซลลี่มักจะไปนั่งซึมเรื่องที่ทำจี้หายไป หลังจากที่ นาโอมิ คือจี้ให้เธอแล้ว แซลลี่จะบอกว่าเธอมีมันติดตัวตั้งแต่แบเบาะแล้ว ตัวเธอกับจี้นี้ก็ถูกคุณย่าพบหลังจากพายุหนักผ่านไป นาโอมิ ที่จำชื่อลูกสาวของเธอได้ แล้วทั้งคู่ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาทั้งสองคนเป็น แม่ – ลูก ที่พรากจากกันไป

นาโอมิ และ แซลลี่ จะขอบคุณที่เราช่วยให้ทั้งคู่ได้มาพบกัน และความสุขที่เปี่ยวมล้นของทั้งคู่ทำให้เกิด “หยาดน้ำตาแห่งความสุข” (Tears of Happiness) ซึ่งเราจำเป็นต้องใช้ในการปลูก เมล็ดผลไม้แห่งคำอวยพร (Blessed Seeds)

กลับไปหา Doc นักวิธนาศาสตร์สติเฟื้อง ผู้ซึ่งรู้วิธีการสร้าง Insta-Sun ในวันพุธหรือเสาร์ เวลา 10 โมงเช้า – 6 โมงเย็น เขาจะขอให้เราหา 3 Iron, 1 Flourite, และ 1 Crystal

เราสามารถหาแร่เหล่านี้ได้จากเหมืองรอบ ๆ แผนที่ สำหรับ Iron นั้นหาไม่ยาก ให้เราหา Iron Ore 9 อัน นำไปให้ บรูตัส วิเคราะห์ (3 Iron Ore = 1 Iron) แต่สำหรับ 1 Flourite Ore และ 1 Crystal Ore จะมีทริคนิดหน่อย สำหรับ Flourite จะพบได้ที่ Sountweat #2 หรือ Sounteast #3 ส่วน Crystal จะพบได้ที่ Sounteast #3 ที่โขดหินด้านขวาของเหมือง ให้เรานำแร่ทั้งหมดไปให้ บรูตัส วิเคราะห์ได้ที่ Moon Valley ในวันอังคารและศุกร์ จากนั้นให้ส่งต่อของไปให้ Doc เพื่อสร้าง Insta-Sun

ตอนนี้เราได้ของมาแล้วสองชิ้น ให้เรากลับไปคุยกับเทพธิดา แล้วเราจะได้ปลูกต้นผลแห่งคำอวยพร โดยต้นไม้เมื่อปลูกแล้วจะโตขึ้นสูงทันที แต่จะยังไม่ออกดอกออกผลให้เราเก็บได้

คืนนั้นเอง เราจะฝันได้ยินเสียงว่า เรานั้นมีส่วนผสมที่ใช้ปลูกผลแห่งคำอวยพรแล้ว วันรุ่งขึ้นเราจะตื่นขึ้นมาพบกับ โรแวน ที่กำลังตื่นตระหนกเพราะพายุพัดอยู่ด้านนอก จะต้องเป็นฝีมือของ กอร์กอน แน่ ๆ เมื่อเราออกมาสำรวจด้านนอกเราจะพบว่ามีคนมาหามาเรามากมาย ทั้ง ฮันเตอร์, กิลเบิร์ต, โทนี, เอมิลี่, เอพริล รวมถึงแคทเธอรีน พวกเขาเป็นห่วงเลยมาหาเราว่าโอเครึเปล่า แล้วพวกเขาจะอาสาไปสำรวจความเสียหายในฟาร์มของเราให้ด้วย

แล้วเราจะได้ยินเสียงอีกครั้ง เขาจะบอกว่าที่แห่งนี้จะไม่ใช่ที่ที่ไม่มีใครมาเยือนอีกต่อไปแล้ว มันจะกลายเป็นที่ที่พักพิงใจของทุกคน เสียงนั้นจะเรียกให้ราชาใต้ภิพบ ช่วยปกป้องหุ้มเขาที่ล้ำค่าแห่งนี้เอาไว้ ทันใดนั้นเราจะได้เห็นความคิดของกอร์กอน เขาไม่เคยคิดเลยว่าเราจะสามารถปลูกผลแห่งคำอวยพร (Bressed Fruit) นี้ได้สำเร็จ กอร์กอนจะเล่าว่านานมาแล้วมีผู้คนอาศัยอยู่ที่นี่ ทั้งคนและสัตว์กลับละเลยพื้นดินแห่งนี้ พวกเขาทั้งละโมบโลภมา ทำลายธรรมชาติจนหมดสิ้น กอร์กอนจึงผิดหวังในพวกมนุษย์และอาศัยอยู่ในอาณาจักรใต้ภิพบของเขาตลอดมา แต่ก็หวังว่าสักวันนึงทั้งชีวิตและความรักจะย้อนกลับมาที่หุบเขาแห่งนี้

กอร์กอนจะยินดีที่เราสามารถพลิกฟื้นหุบเขาแห่งนี้ได้สำเร็จ และขอให้ได้ปกปักษ์รักษาที่นี่อีกครั้ง แล้วเขาจะเปลี่ยนผลแห่งความสุขไเป็น Fall Crystal ซึ่งจะมอบให้เทพธิดานำไปฟื้นคืนฤดูใบไม้ร่วง กอร์กอนจะบอกเราว่าจงเห็นคุณค่าของพื้นดินแห่งนี้ด้วย

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เราจะฝันเห็นภูติเก็บเกี่ยว พวกเขานั้นมีความสุขที่เราสามารถนำพาฤดูกาลที่หายไปกลับมาได้ และหวังว่าเรานั้นจะอาศัยอยู่ที่นี่ตลอดไป พวกเขาจะฉลองให้กับเรา โดยมีภูติสีม่วงยืนมองอยู่ไกล ๆ

หลังจากเครดิตเกมขึ้นจนจบแล้ว โรแวน จะมาหาเราที่บ้านและบอกเราว่าต่อไปนี้เราสามารถเจอกับสภาพอากาศที่เลวร้ายอย่างพายุได้ และชั้นหนังสือเรานั้นเราสามารถกดดูเครดิตตอนจบซ้ำอีกครั้งได้ด้วย (ซึ่งถ้าเรากดดูแล้ว ต้องดูให้จบ ไม่สามารถยกเลิกได้)

หลังจากนี้เราก็สามารถทำเควสต์ของคนในหมู่บ้านให้จบได้ หาคู่มาแต่งงานกันได้ หรือจะเป็นเพื่อนกับราชาใต้ภิพบก็ทำได้แล้ว