Chapter 3 – Light of the Wind
เช้าถัดมาหลังจากที่เราวางแผ่นศิลาชิ้นที่ 3 แล้ว Edmond จะมาเรียกเราที่หน้าบ้านและขอให้ตามเขาไปที่ประภาคาร เขาจะถามเราว่าเรานั้นเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับการส่องแสงของประภาคารเพื่อให้เกาะแห่งนี้นั้นมีความเจริญรุ่งเรืองอุดมสมบูรณ์บ้างไหม ซึ่งเขาจะมายืนยันว่าตำนานเหล่านั้นเป็นเรื่องจริง ประภาคารแห่งนี้นั้นได้คอยค้ำจุนเกาะแห่งนี้เอาไว้ แต่หลังจากเหตุการณ์พายุครั้งใหญ่มันทำให้แผ่นศิลานั้นปลิวกระจายออกไป ทำให้แสงของประภาคารจึงมอดลง เมื่อประภาคารนั้นไม่ส่องแสง ทั่วทั้งเกาะก็เริ่มสูญเสียพลังงานและสมดุลของธรรมาชาติไป ถึงแม้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าความจริงแล้วความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติหรืออาจเกิดขึ้นจากความตั้งใจของใครกันแน่ หากเราไม่สามารถนำแผ่นศิลากลับมารวมให้ครบได้ทันละก็ เกาะนี้จะต้องจมลงสู่ทะเล
Edmond นั้นต้องการจะขอยืมพลังจาก เทพธิดาเก็บเกี่ยว เพื่อระบุตำแหน่งของแผ่นศิลาสองชิ้นที่เหลือ แต่เขานั้นจำเป็นต้องการการสนับสนุนจากพ่อมด-แม่มดฝึกหัดของเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงขอให้เราช่วยซ่อมบ้านของสองคนนี้ให้หน่อย เพื่อที่เขาทั้งคู่จะได้กลับมาที่เกาะแห่งนี้
บ้านของพ่อมด-แม่มดฝึกหัดจะมีอยู่ด้วยกันสองหลัง บ้านของ Tabitha และ Gareth จะตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือในแมพของตัวเมือง บ้านยองทั้งคู่จะใช้ 10 Softwood Lumber, 20 Stone, เงิน 300 G เมื่อเราซ่อมเรียบร้อยแล้ววันรุ่งขึ้นให้กลับมาอีก เราจะพบว่าทั้งคู่นั้นกลับมาแล้ว ทั้ง Tabitha และ Gareth นั้นเป็นคู่แข่งกัน แต่ดูเหมือน Tabitha นั้นจะไม่ค่อยชอบ Gareth อย่างเห็นได้ชัดเลยทีเดียว
หลังจาก Gareth และ Tabitha กลับมามาแล้ว Edmond จะมาหาเราตอนเช้าที่บ้านเพื่อบอกเราให้ไปพบพวกเขาที่น้ำพุธิดาเก็บเกี่ยว เพื่อช่วยกันตามหาแผ่นศิลาสองชิ้นสุดท้าย ดังนั้นเมื่อเราทำงานฟาร์มเสร็จแล้วให้เราขึ้นเขาไปยังบ่อน้ำพุเทพธิดา เมื่อเรามาถึงเราจะพบกับพ่อมดแม่มดทั้ง 3 คน Gareth และ Tabitha จะเถียงกันว่าตนเองสามารถทำเองคนเดียวได้ แต่ Edmond จะยืนยันว่าเราควรจะช่วยกันทุกคน
จากนั้นพวกเขาทั้ง 3 คนจะร่วมมือกันร่ายมันต์ลงบยแผ่นศิลา แล้ว Edmond จะบอกว่าแผ่นศิลาชิ้นหนึ่งอยู่กับเทพธิดา แต่อีกชิ้นหนึ่งกลับไม่สามารถระบุได้ เขาจึงแนะนำว่าให้เราลองหาศิลาชิ้นที่เจอก่อน แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือไม่มีใครรู้ว่าธิดาเก็บเกิ่ยวนั้นไปอยู่ที่ไหน เทพธิดานั้นชอบทำตัวลึกลับซึ่งบางครั้งอาจแปลงกายเป็นนกแล้วบินไปบินมาก็ได้ แล้ว Tabitha จะบอกว่าบริเวณชายหาดนั้นตอนนี้เปิดให้เข้าได้แล้ว
จากนั้นให้เราซ่อมสะพานที่ใช้ข้ามไปยังบ้านอีกหลังหนึ่งบนเขา การซ่อมสะพานต้องใช้ 5 Softwood Lumber, 5 Stone, 600 G และซ่อมบ้านอีก 5 Softwood Lumber, 10 Material Stone, 300 G จากนั้นวันต่อมาให้เรากลับมาที่นี่อีกครั้ง เราจะได้พบ Sofia, Garbriel, Michael ซึ่งพวกเขาจะเปิดบ้านเป็นร้านขายสัตว์
ต่อมาให้เราเดินจากบ้านเราไปยังตัวเมือง (10 โมงเช้าเป็นต้นไป) เราจะพบว่ามีชาวบ้านกำลังคุยกันเกี่ยวกับ Blue Bird ที่มาอยู่แถว Azure Rock ณ บริเวณใกล้ ๆ ชายหาด ผู้คนต่างลือกันว่านกจะบินมาช่วงกลางคืนในวันที่อากศแจ่มใส ถ้าโชคดีก็จะได้เจอ แล้ว Blossom กับ Dewy จะบอกว่าพวกเขาเองก็อยากเห็นบ้าง จึงบอกเราให้ลองไปดู
Blossom จะมาบอกเราทุกเช้าเมื่อเราตื่น หากว่าวันนั้นจะเป็นวันที่สามารถเห็น Blue Bird ได้ตามเงื่อนไข โดยช่วงกลางคืนหลัง 6 โมงเย็น ให้เราเดินไปยังชายหาด เราจะมองไปยังโขดหินที่ร่ำลือกัน แต่กลับไม่พบ Blue Bird (อย่างไรก็ตามเราไม่จำเป็นต้องซ่อมท่าเรือเพื่อจะเห็นนก) Blossom จะแนะนำว่าให้เราลองไปคุยกับใครสักคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับสัตว์ดี ซึ่งก็คือ Gabriel นั่นเอง เพราะเขาสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ด้วย เมื่อเรามาคุยกับ Gabriel เขาจะแนะนำให้เราลองนำอาหารสัตว์ไปวางเอาไว้ แล้วเขาจะให้สูตรอาหารสำหรับการทำอาหารสัตว์เรา โดยเราสามารถทำอาหารได้จากกังหันลมภายในฟาร์ม
ในตอนนี้ถ้าเรายังไม่เคยซ่อมกังหันลม (Windmill) ที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ โรงเลี้ยงสัตว์ในฟาร์มเรา เราจำเป็นต้องใช้ 20 Softwood Lumber, 2 Iron, 1000 G เมื่อเราซ่อมแล้ว เราก็จะสามารถคราฟต์ Delicious Animal Feed ได้ โดยต้องใช้ 2 Floor, 3 Strawberry (สำหรับเวอร์ชัน PC) หรือ 2 Flour, 3 Straberry, 2 Milk (สำหรับเวอร์ชัน PS4/Switch)
ส่วน Flour ที่ต้องนำมาใช้เป็นวัตถุดิบนั้น เราจะได้มาจากการปลูก Wheat แล้วนำ Wheat 3 ต้นไปปั่นในกังหันลมเพื่อให้ได้ Floor 1 ถุง
หรืออีกวิธีหนึ่งเพื่อให้ได้ Flour คือให้เราซ่อมร้านอาหาร Bastian’s Restaurant ในตัวเมือง โดยต้องใช้ 10 Softwood Lumber, 5 Stone, 2 Perch, 1000 G สำหรับ Perch นั้น เราสามารถตกได้จากในฟาร์มหรือบนภูเขา เมื่อเราซ่อมร้านอาหารเสร็จแล้ว Bastian กับ Elise จะกลับมา จากนั้นจะเปิดเป็นร้านอาหารที่เราสามารถซื้อวัตถุดิบได้ โดยร้านจะเปิดทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ เวลา 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น
เมื่อเราได้ Delicious Feed มาแล้ว ให้กับไปคุยกับ Gabriel เขาจะดูและยืนยันว่าเราสามารถใช้มันเพื่อเป็นเหยื่อล่อ Blue Bird ได้ ก็ให้เราตรงไปที่ชายหาดหลัง 6 โมงเย็นในวันอากาศดี เพื่อพบ Gabriel ที่นั่นอีกครั้ง
Gabriel จะนำอาหารไปวางเป็นเหยื่อ จากนั้นไม่นานนกสีฟ้าก็จะปรากฏตัว Blossom กับ Calvin จะโผล่มา พวกเขาดูตื่นเต้นกับการเจอ Blue Bird มาก ๆ จนทำให้นกนั้นตกใจบินหนีไป แต่เพียงแป๊บเดียวเท่านั้นนกก็กลับมากินอาหารที่วางเอาไว้ ส่วน Garbriel นั้นที่สามารถสื่อสารกับสสัตว์ได้ เขานั้นจะรู้ว่านกต้องการจะคุยกับเราตามลำพัง ดังนั้นตัวเขาจึงขอตัวออกไปก่อน ปล่อยเราไว้กับ Blue Bird และภูติแคระที่เขามองไม่เห็น
หลังจาก Gabriel ไปแล้ว, Blue Bird จะมอบแอ๊ปเปิ้ลให้เรา ซึ่งเป็นผลเดียวกับที่วางอยู่บนโขดหิน ทันใดนั้นแอ็ปเปิ้ลจะเปลี่ยนร่างเป็น Woody ภูติแห่งต้นไม้ Woody นั้นจะแปลกใจที่ Blue Bird เป็นคนช่วยเขามาจากโขดหินนั่น จากนั้นเขาจะขอให้เราหา Strawberry Jam และนำไปให้ที่บ่อแห่งเทพธิดาบนเขา
หากเรายังไม่ได้ซ่อม Bastian’s Restaurant ในเมือง ก็ให้เราซ่อมเสียให้เรียบร้อยแล้วพา Bastian กับ Elise กลับมายังเมืองนี้ก่อน จากนั้นให้เราเข้าร้านอาหารไป แล้วเราจะได้สูตรอาหารสำหรับทำ Strawberry Jam มา จากนั้นให้เราซื้อ Sugar จากร้านอาหารติดมือกลับบ้านมาด้วย
ให้เรากลับมาที่บ้านและสำรวจที่ครัวเพื่อทำ Strawberry Jam เมนูนี้จะต้องใช้ 1 Strawberry และ 1 Sugar
จากนั้นให้เรานำ Strawberry Jam ไปที่บ่อเทพธิดาบนเขา เราจะได้พบกับภูติทั้ง 6 ตน ที่จะร่ายมนต์กับ Strawberry Jam ไปยัง Blue Bird และได้กลายร่างเป็น Harvest Goddess ในที่สุด, Woody นั้นจำได้ว่าเทพธิดานั้นจะกลายร่างเป็น Blue Bird เมื่อถึงคราววิกฤติ ดังนั้นเขาจึงได้ทำแบบนี้เพื่อพาเทพธิดากลับมานั่นเอง
เทพธิดานั้นรู้อยู่แล้วว่าประภาคารนั้นมีแผ่นศิลาหลายชิ้นถูกผนึกเอาไว้อยู่ ดังนั้นตอนที่เกิดภัยพิบัติขึ้น เธอจึงพยายามเก็บเอาไว้กับตัว 1 ชิ้น เพื่อทำให้แน่ใจว่าศิลาจะไม่ตกไปอยู่ในมือของคนไม่ดี และเทพธิดาเองก็ยืนยันด้วยว่าเหตุการณ์พายุนั้น มีคนจงใจทำให้เกิดขึ้น
หลังจากที่เทพธิดาได้มอบศิลาชิ้นที่ 4 ให้เราแล้ว ให้เรานำกลับไปที่ประภาคารเพื่อใส่กลับเข้าไป แล้วเหล่าภูติจะร่วมมือกันทำแผ่นศิลาชิ้นที่ 4 นั้นฟิ้นพลังกลับมาอีกครั้ง
ขณะที่เรากำลังคิดอยู่ว่าศิลาแผ่นที่ 5 น่าจะอยู่ที่ไหน Woody จะมาหาเราแล้วขอให้เราตามเขาไป ตั้งแต่ประภาคารนั้นสามารถฟื้นฟูพลังได้มากแล้ว Woody จึงใช้พลังของเขาสร้างประตูเวทย์มนต์ขึ้นมา
เมื่อเราผ่านประตูเข้ามา เราจะมาอยู่บนแท่นสีทองอร่ามท่ามกลางท้องฟ้า และเราจะเห็นคนแก่ที่กำลังยืนหลับอยู่อยู่ตรงกลาง Woody จะแนะนำเราให้ Harvest God รู้จัก และถามข้อมูลเขาเกี่ยวกับเกาะและประภาคารที่เมือง Beacon, แล้ว Harvest God จะอธิบายว่าที่ไฟประภาคารมอดลงนั้นเป็นเพราะแผ่นศิลาได้หายไป ส่วนพายุที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของ Gorgan ราชาแต่ใต้พิภพ เข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าทำไม Gorgon ถึงทำเช่นนั้นเหมือนกัน แล้ว Harvest God จะมอบศิลชิ้นสุดท้ายให้กับเรา
ให้เรากลับลงมายังประภาคารเพื่อวางแผ่นศิลาชิ้นสุดท้าย แต่ก่อนจะได้วางแล้วจู่ ๆ จะมีพายุพัดมา เราจึงรีบเข้าไปวางทันที ซึ่งก็ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วก็มีสายฟ้าฟาดลงมาอีกจนผ่นศิลาถูกทำลาย เหล่าภูติจะสงสัยว่าสายฟ้าฟาดนี้มาจากไหนกัน ทั้ง Harvest Goddess และ Edmond จึงสันนิษฐานว่าคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากราชาใต้พิภพ Gorgan จากนั้นทุกคนจะมุ่งหน้ากลับไปที่บ่อน้ำเทพธิดาเพื่อวางแผนว่าจะทำอะไรต่อไป